กฎ บอสแมน ถือเป็นหนึ่งในกฎที่สำคัญที่สุดในวงการฟุตบอล ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเตะมีสิทธิและเสรีภาพในการเลือกอนาคตของตนเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับต้นสังกัดหรือการย้ายไปร่วมทีมอื่นโดยไม่มีค่าตัว หากสัญญาเหลือไม่ถึง 6 เดือน แต่ก่อนที่จะมีกฎนี้ โลกของนักฟุตบอลเป็นอย่างไร และพวกเขาต้องต่อสู้อย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิและเสรีภาพเหล่านี้ Thscore มาย้อนรอยประวัติศาสตร์ฟุตบอลก่อนยุคกฎบอสแมนกันดีกว่า
สารบัญ
Toggleชีวิตนักฟุตบอลภายใต้สัญญาที่ไม่เป็นธรรม
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นักฟุตบอลอาชีพในอังกฤษมีสถานะไม่ต่างจากแรงงานในโรงงาน พวกเขาต้องทำงานหนักเพื่อแลกกับค่าจ้างที่ไม่สูงมากนัก แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเรื่องสัญญา นักเตะต้องผูกมัดกับสโมสรไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะอยากย้ายทีมด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากสโมสรไม่ยินยอมปล่อยตัว พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปไหนได้เลย แม้ว่าจะมีข้อเสนอที่ดีกว่ามากมายจากทีมอื่นก็ตาม
กรณีของ จอร์จ อีสต์แฮม นักเตะผู้กล้าท้าทาย
ในปี 1959 จอร์จ อีสต์แฮม ตำนานนักเตะทีมชาติอังกฤษ ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และอยากย้ายทีม เนื่องจากไม่พอใจในสวัสดิการและค่าเหนื่อยที่ได้รับ แต่สโมสรกลับไม่ยอมปล่อยตัวและระงับค่าจ้างของเขา อีสต์แฮมจึงตัดสินใจฟ้องร้องเรียกความเป็นธรรม ซึ่งสุดท้ายศาลก็ตัดสินให้เขาเป็นฝ่ายชนะ แม้จะไม่ได้ค่าเสียหาย แต่ก็ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของนักเตะที่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้กับระบบที่ไม่เป็นธรรม
อ่านข่าวความรู้ฟุตบอลเพิ่มเติม
การเคลื่อนไหวของนักฟุตบอลยุคใหม่
หลังจากกรณีของอีสต์แฮม ในช่วงปี 1960s-1990s ก็เริ่มมีนักเตะอีกหลายคนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ ผ่านการต่อสู้ทางกฎหมายแรงงาน บางคดีนักเตะเป็นฝ่ายชนะ บางคดีสโมสรเป็นฝ่ายชนะ แต่ภาพรวมคือนักเตะเริ่มมีอำนาจต่อรองมากขึ้นทีละน้อย สัญญามีรายละเอียดและเงื่อนไขที่ซับซ้อนขึ้น ระยะเวลาการผูกมัดสั้นลง และมีออปชันให้นักเตะย้ายทีมได้ง่ายขึ้นหากมีทีมยื่นข้อเสนอตามที่ระบุไว้
การปฏิวัติวงการลูกหนังด้วยกฎบอสแมน
จุดเปลี่ยนสำคัญของวงการฟุตบอลมาถึงจริง ๆ เมื่อ ฌอง มาร์ค บอสแมน นักเตะชาวเบลเยียมตัดสินใจฟ้องร้องสโมสรและสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หลังจากถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม โดยอ้างอิงถึงสนธิสัญญาโรมที่การันตีการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรีในกลุ่มประเทศสมาชิก EU ซึ่งสุดท้ายเขาก็ชนะคดีนี้ จนเกิดเป็นกฎบอสแมนที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน
ผลพวงจากกฎบอสแมน มีอย่างน้อย 3 ประการหลัก ๆ คือ
- 1. นักเตะมีอำนาจต่อรองเรื่องสัญญามากขึ้น และมักเลือกเซ็นสัญญาระยะสั้นไม่เกิน 5 ปี เพื่อเปิดทางเลือกให้ตัวเอง
- 2. สโมสรเล็ก ๆ ที่เคยพึ่งพาการขายนักเตะดาวรุ่ง เริ่มสูญเสียรายได้ส่วนนี้ไป เพราะนักเตะเลือกจะไม่ต่อสัญญาและย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัว
- 3. ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่มีการจำกัดโควตานักเตะต่างชาติอีกต่อไป ทำให้บรรดาทีมยักษ์ใหญ่สามารถใช้ผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามได้อย่างอิสระ
สรุป
กฎบอสแมนไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ แต่เป็นผลมาจากการต่อสู้อย่างยาวนานของบรรดานักฟุตบอลหลายรุ่น ที่พยายามเรียกร้องความเป็นธรรมจากสัญญาที่ไม่เท่าเทียม จนกระทั่งการชนะคดีของบอสแมนได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อตัวนักเตะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระบบการซื้อขาย และรูปแบบการแข่งขันในระดับสโมสรยุโรปด้วย จึงเรียกได้ว่ากฎบอสแมนคือการปฏิวัติวงการลูกหนังอย่างแท้จริง
Guru Sports เป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลที่ทันสมัยและเชื่อถือได้ที่สุด ด้วยการรวบรวมข่าวสารล่าสุดจากลีกชั้นนำระดับโลก และ ตารางบอล อาทิ พรีเมียร์ลีก, ลาลีกา, บุนเดสลีกา และกัลโช่ เซเรีย อา ผู้ติดตามจะได้รับความรู้ และความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับวงการฟุตบอล
ทั้งในด้านผลฟุตบอล การวิเคราะห์เกม และความเคลื่อนไหวล่าสุดของนักเตะและทีม ด้วยการนำเสนอข้อมูลที่ครบถ้วน ชัดเจน และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่หลงใหลในกีฬาชั้นนำเหล่านี้ Guru Sports จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเป็นที่นิยมในหมู่แฟนบอลทั่วประเทศ