
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ยูโร” เป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ที่แฟนบอลทั่วโลกต่างเฝ้ารอ การแข่งขันนี้รวบรวมทีมชาติที่แข็งแกร่งที่สุดจากยุโรปมาประชันฝีเท้ากัน เพื่อค้นหาทีมที่ดีที่สุดของทวีป แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ยูโรจัดปีละกี่ครั้ง? และมีอะไรที่ทำให้มันพิเศษจนไม่ควรพลาด? มาหาคำตอบกันในบทความนี้!
สารบัญ
Toggleเรียนรู้เกี่ยวกับยูโรและรูปแบบการแข่งขัน
ยูโรเป็นทัวร์นาเมนต์อะไร?
ยูโร หรือชื่อเต็มคือ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (UEFA European Championship) เป็นการแข่งขันที่จัดโดยสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) เพื่อให้ทีมชาติในทวีปยุโรปได้แข่งขันกัน ยูโรถือเป็นหนึ่งในรายการฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก รองจากฟุตบอลโลก เพราะเป็นเวทีที่รวมเอาทีมและนักเตะระดับโลกมาไว้ด้วยกัน
รูปแบบการแข่งขันยูโร
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ยูโร” เป็นการแข่งขันที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 1960 เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนทีมที่เพิ่มขึ้นและความนิยมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
- รอบคัดเลือก (Qualifying Rounds):
- ทีมชาติจากประเทศสมาชิกยูฟ่าทั้งหมดเข้าร่วมแข่งขันในรอบคัดเลือก เพื่อหาทีมที่ดีที่สุดเข้าสู่รอบสุดท้าย
- การแข่งขันในรอบนี้มักจัดขึ้นในช่วงสองปีก่อนถึงรอบสุดท้าย
- รอบสุดท้าย (Final Tournament):
- จำนวนทีม: ปัจจุบันมี 24 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย
- การแบ่งกลุ่ม: ทีมที่เข้ารอบจะถูกแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม
- การแข่งขันในกลุ่ม: แต่ละทีมจะแข่งขันแบบพบกันหมดในกลุ่ม (round-robin) รวม 3 นัด
- การคัดเลือกเข้าสู่รอบน็อกเอาต์:
- ทีมอันดับ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่ม รวมถึงทีมอันดับ 3 ที่มีผลงานดีที่สุด 4 ทีม จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
- รอบน็อกเอาต์ (Knockout Stage):
- รอบ 16 ทีมสุดท้าย: แข่งขันแบบแพ้คัดออก (single-elimination)
- รอบก่อนรองชนะเลิศ (Quarter-finals): ผู้ชนะจากรอบ 16 ทีมสุดท้ายแข่งขันกัน
- รอบรองชนะเลิศ (Semi-finals): ผู้ชนะจากรอบก่อนรองชนะเลิศแข่งขันกัน
- รอบชิงชนะเลิศ (Final): ผู้ชนะจากรอบรองชนะเลิศแข่งขันเพื่อชิงแชมป์
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอดีต:
- ปี 1960: การแข่งขันครั้งแรกมีเพียง 4 ทีมในรอบสุดท้าย
- ปี 1980: เพิ่มจำนวนทีมในรอบสุดท้ายเป็น 8 ทีม
- ปี 1996: ขยายจำนวนทีมเป็น 16 ทีม
- ปี 2016: ขยายจำนวนทีมเป็น 24 ทีม ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ยูโรได้จัด 1 ครั้ง ห่างกันกี่ปี?
ยูโรจัดขึ้นทุก 4 ปี ครั้งแรกเริ่มขึ้นในปี 1960 และได้สืบทอดประเพณีการจัดทุก 4 ปีอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นในปี 2020 ที่ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยูโรครั้งถัดไปจะจัดขึ้นในปี 2024 ซึ่งทำให้แฟนบอลต้องตั้งตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

ประวัติความเป็นมาของการก่อตัวและการพัฒนาของยูโร
การก่อตั้งและยุคเริ่มต้น:
แนวคิดในการจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปยุโรปเกิดขึ้นจาก อองรี เดอโลเนย์ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศสในช่วงทศวรรษ 1920 อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ได้รับการสานต่อและกลายเป็นจริงในปี 1960 เมื่อมีการจัดการแข่งขันครั้งแรกที่ประเทศฝรั่งเศส ภายใต้ชื่อ “ฟุตบอลยูโรเปียน เนชันส์ คัพ” โดยมี 4 ทีมเข้าร่วมแข่งขันในรอบสุดท้าย ได้แก่ สหภาพโซเวียต, ยูโกสลาเวีย, เชโกสโลวะเกีย และฝรั่งเศส ผลการแข่งขันปรากฏว่าสหภาพโซเวียตคว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะยูโกสลาเวีย 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
การพัฒนาและการขยายตัว:
หลังจากการแข่งขันครั้งแรก ยูโรได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 1968 มีการเปลี่ยนชื่อการแข่งขันเป็น “ยูฟ่า ยูโรเปียน แชมเปียนชิพ” และปรับรูปแบบการแข่งขันเป็นการแบ่งกลุ่มในรอบคัดเลือก ต่อมาในปี 1980 มีการขยายจำนวนทีมในรอบสุดท้ายจาก 4 ทีมเป็น 8 ทีม และในปี 1996 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ ได้ขยายจำนวนทีมเป็น 16 ทีม จนกระทั่งในปี 2016 ที่ฝรั่งเศส การแข่งขันได้ขยายจำนวนทีมในรอบสุดท้ายเป็น 24 ทีม ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
อ่านเพิ่มเติม รายได้ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตลอดอาชีพการค้าแข้ง
บันทึกที่โดดเด่นในยูโร
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร” เป็นเวทีที่รวบรวมทีมและนักเตะชั้นนำจากทั่วทวีปยุโรปมาประชันฝีเท้า ในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันนี้ มีบันทึกที่โดดเด่นหลายประการที่น่าสนใจ ดังนี้:
ทีมที่ได้แชมป์มากที่สุด

ทีมชาติที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในยูโรคือ เยอรมนี และ สเปน โดยทั้งสองทีมคว้าแชมป์ได้ทีมละ 3 สมัย
เยอรมนี: คว้าแชมป์ในปี 1972, 1980 และ 1996
สเปน: คว้าแชมป์ในปี 1964, 2008 และ 2012
สเปนยังเป็นทีมเดียวที่สามารถคว้าแชมป์ยูโรได้ติดต่อกันสองสมัยในปี 2008 และ 2012
ผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุด
สถิติผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ยูโรเป็นของ คริสเตียโน โรนัลโด นักเตะจากโปรตุเกส เขาทำประตูรวมทั้งหมด 14 ประตูในรอบสุดท้ายของการแข่งขัน นอกจากนี้ โรนัลโดยังเป็นผู้เล่นที่ลงสนามในยูโรมากที่สุดด้วยจำนวน 25 นัด
การแข่งขันสุดคลาสสิก
หนึ่งในแมตช์ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือ ยูโร 2000 รอบชิงชนะเลิศระหว่างฝรั่งเศสและอิตาลี ในนัดนั้น อิตาลีขึ้นนำก่อน 1-0 แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ฝรั่งเศสตีเสมอเป็น 1-1 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษ และในช่วงต่อเวลา ดาวิด เทรเซเกต์ ยิงประตูโกลเด้นโกล ทำให้ฝรั่งเศสชนะ 2-1 คว้าแชมป์ยูโรสมัยที่สองได้สำเร็จ
การแข่งขันยูโรเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความทรงจำที่น่าประทับใจ ทั้งจากผลงานของทีมและนักเตะที่สร้างสรรค์ช่วงเวลาที่แฟนบอลทั่วโลกจดจำ
อ่านเพิ่มเติม เมสซี่ เศรษฐีแห่งวงการฟุตบอล เปิดรายได้ของราชาลูกหนัง
ดูอัตราต่อรองฟุตบอลยูโรอย่างรวดเร็วที่ Thscore
เมื่อพูดถึงการแข่งขันฟุตบอลยูโร นอกจากความสนุกจากการเชียร์ทีมโปรดแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่แฟนบอลและผู้สนใจการวิเคราะห์เกมไม่ควรพลาดคือ การตรวจสอบอัตราต่อรอง (Odds) ซึ่งช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มของการแข่งขันและการคาดการณ์ผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้น
ทำไมต้องเลือก Thscore?
Thscore เป็นแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงในด้านการให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอัตราต่อรองและสถิติการแข่งขันฟุตบอล ไม่เพียงแค่ในยูโร แต่ยังครอบคลุมถึงลีกและทัวร์นาเมนต์สำคัญทั่วโลก จุดเด่นของ Thscore มีดังนี้:
- ข้อมูลครบถ้วนและอัปเดตเรียลไทม์
- Thscore ให้ข้อมูลอัตราต่อรองจากหลายแหล่งที่เชื่อถือได้ รวมถึงการเปรียบเทียบราคาจากเว็บไซต์เดิมพันชั้นนำทั่วโลก
- อัปเดตผลการแข่งขันและข้อมูลสถิติทันทีที่เกมเริ่มต้นหรือมีการเปลี่ยนแปลง
- การใช้งานง่ายและรวดเร็ว
- อินเทอร์เฟซของ Thscore ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย สามารถค้นหาอัตราต่อรองของการแข่งขันยูโรที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
- แสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทั้งสำหรับมือใหม่และนักวิเคราะห์มืออาชีพ
- สถิติที่ช่วยวิเคราะห์เกมได้แม่นยำ
- นอกจากอัตราต่อรองแล้ว Thscore ยังให้ข้อมูลสถิติที่สำคัญ เช่น ผลการแข่งขันย้อนหลัง, ฟอร์มการเล่นของทีม, ผู้เล่นตัวจริง, และปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อผลการแข่งขัน
- ฟีเจอร์พิเศษสำหรับแฟนบอล
- มีบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ และความคิดเห็นจากชุมชนแฟนบอล
- รองรับหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย ทำให้ผู้ใช้งานในไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย
ประโยชน์ของการดูอัตราต่อรองฟุตบอลยูโร
- เพิ่มความสนุกในการรับชม: การรู้ข้อมูลอัตราต่อรองช่วยให้คุณติดตามการแข่งขันได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้น
- ช่วยวิเคราะห์และคาดการณ์: เหมาะสำหรับแฟนบอลที่ต้องการวิเคราะห์แนวโน้มเกมหรือทำนายผลการแข่งขัน
- เสริมความมั่นใจในการตัดสินใจ: สำหรับผู้ที่สนใจการเดิมพันหรือการวางแผนสนับสนุนทีมโปรด
สรุป
ยูโรจัดปีละกี่ครั้ง? คำตอบคือทุก 4 ปี และเป็นทัวร์นาเมนต์ที่แฟนบอลไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะได้เห็นการแข่งขันที่เข้มข้นแล้ว ยังเป็นเวทีแสดงฝีมือของนักเตะระดับโลกอีกด้วย อย่าลืมเตรียมตัวติดตามยูโรครั้งถัดไปในปี 2024 แล้วพบกับความสนุกที่ไม่เหมือนใคร!
Guru sports คือ แหล่งรวบรวมข้อมูลสำหรับคนที่มีใจรักกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบอล ที่นี่คุณจะพบกับข่าวสาร พรีวิว และรีวิวอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากกูรูนักวิเคราะห์ชั้นนำ ทั้งผลบอลล่าสุด ข้อมูลลีกดังระดับโลก อาทิ พรีเมียร์ลีก บุนเดสลีกา และลาลีกา รับรองว่าจะทำให้คุณได้รู้ทันสถานการณ์ฟุตบอล และความเคลื่อนไหวในวงการกีฬาอย่างครบถ้วน
นอกจากนี้ ยังมีโซเชียล ให้ติดตามข่าว อย่างรวดเร็ว บน Facebook , Youtube และอื่นๆ