ตํานานเบอร์ 9 นักเตะสารพัดประโยชน์ในทีม

ตํานานเบอร์ 9 หรือ นักเตะที่สวมใส่เบอร์ 9 ถือเป็นหนึ่งในบทบาทที่โดดเด่นและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ผู้เล่นที่สวมเสื้อเบอร์ 9 มักจะเป็นหัวหอกหลักของทีม ทั้งในด้านการทำประตูและการเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแดนกลางและแดนหน้า บทความนี้ Thscore จะพาคุณไปสำรวจบทบาท ความสำคัญ และประวัติศาสตร์ของตำแหน่งเบอร์ 9 รวมถึงตำนานนักเตะเก่งๆ ในวงการฟุตบอล

ความหมายของตำแหน่งเบอร์ 9 ในฟุตบอล

ในโลกของฟุตบอล ตำแหน่งเบอร์ 9 หมายถึงศูนย์หน้าหรือกองหน้า ซึ่งมักจะเป็นผู้เล่นที่ตั้งอยู่ในแดนหน้าสุด และมีหน้าที่หลักในการทำประตู นอกจากนี้ ผู้เล่นตำแหน่งนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงเกมรุกของทีม โดยการเป็นจุดรับบอลและสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม ถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างมากในการเล่นฟุตบอล

ทักษะพิเศษที่จำเป็นของของตำแหน่งเบอร์ 9

การทำประตู

• ความสามารถในการยิงประตูและทำคะแนนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งจากจุดโทษ, การยิงระยะใกล้, และการยิงระยะไกล
• การแสดงความเป็นหัวหอกที่คมคาย และมีความแม่นยำในการยิงประตู

การเป็นจุดรับบอล

• ความสามารถในการเป็นจุดรับบอลและเชื่อมเกมรุกของทีม
• การใช้ร่างกายเพื่อปกป้องบอลและเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ลุ้นทำประตู

การเคลื่อนไหว

• การเคลื่อนไหวที่ช่วยสร้างโอกาสและเปิดพื้นที่ให้กับเพื่อนร่วมทีม
• การรู้จังหวะในการหลุดเข้าไปในเขตโทษเพื่อรอรับบอลและยิงประตู

ความแข็งแกร่งทางร่างกาย

• ความสามารถในการแย่งบอลและเอาชนะคู่แข่งในการเล่นแบบร่างกาย
• ความเร็วและความคล่องตัวที่ช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตํานานเบอร์ 9 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

ซามูเอล เอโต้

ระหว่างปี 2004 ถึง 2009 ซามูเอล เอโต้ ร่วมกับโรนัลดินโญและลิโอเนล เมสซี่ สร้างสามเส้าตำนานให้กับบาร์เซโลนา ด้วยการครองความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลยุโรปด้วยการคว้าแชมป์ทั้งใหญ่และเล็ก

แม้จะมีร่างกายที่เล็กกะทัดรัด แต่เอโต้กลับมีความเร็วสูงมาก เมื่อเขาเร่งความเร็ว ก็แทบจะไม่มีใครสามารถไล่ตามทันได้ ซึ่งทำให้เขาได้รับฉายาว่า “ดำเสือดาว”

ตลอดอาชีพการค้าแข้ง เอโต้ลงสนามทั้งหมด 759 นัด และยิงได้ 370 ประตู ให้กับ 13 สโมสรที่เขาเคยค้าแข้ง รวมถึง 108 ประตูให้กับบาร์เซโลนา ในทวีปแอฟริกา เขาถือเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

โรนัลโด R9

หรือที่รู้จักในนาม “โอ เฟโนเมโน่” เป็นตำนานและไอคอนระดับโลกในวงการฟุตบอลอย่างแท้จริง ด้วยฝีเท้าอันเป็นเลิศ เขาจึงได้รับการขนานนามว่า “ปรากฏการณ์” อย่างคู่ควร แม้ว่าอาชีพค้าแข้งของเขาจะได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บ แต่ความรักและความเคารพอย่างไร้ขอบเขตจากแฟนบอลทั่วโลกก็มอบให้เขาเสมอ

บนสนาม โรนัลโดถ่ายทอดมนตร์เสน่ห์และความหลงใหลในศิลปะลูกหนัง ไม่เคยทำให้แฟนๆ รู้สึกเบื่อหน่าย หากอายุเป็นเพียงตัวเลข และอาการบาดเจ็บเป็นเพียงความท้าทายชั่วคราว บางทีอาชีพของโรนัลโดอาจจะยังคงพิชิตความสูงใหม่ๆ ต่อไป ทิ้งร่องรอยที่ไม่อาจลบเลือนในใจของแฟนๆ

แพทริค ไคลเวิร์ต

แพทริค ครุยเวิร์ต ถือเป็นหนึ่งในสิบนักฟุตบอลหมายเลข 9 ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล โดยเริ่มพัฒนาพรสวรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อยในอะคาเดมี่ของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ซึ่งเขาเข้าร่วมขณะที่ยังคงเรียนอยู่ในโรงเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัย 19 ปี เขากลายเป็นเสาหลักที่ขาดไม่ได้ทั้งของอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมและทีมชาติเนเธอร์แลนด์

ครุยเวิร์ตย้ายไปเอซี มิลานในฤดูกาล 1997-1998 ก่อนที่จะย้ายไปบาร์เซโลนา ซึ่งเขาลงเล่น 255 นัดและทำประตูได้ถึง 120 ประตู ที่คัมป์ นู ครุยเวิร์ตจับคู่กับริวัลโด้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างคู่หูที่น่ากลัวสำหรับคู่ต่อสู้ทุกคน แม้จะคว้าแชมป์ลาลีกาได้เพียงหนึ่งสมัยในฤดูกาล 1998/99 ในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับบาร์เซโลนา แต่ที่จริงแล้วนั่นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในอาชีพที่ประสบความสำเร็จของเขาก่อนที่จะย้ายไปนิวคาสเซิลในช่วงซัมเมอร์ปี 2004

กาเบรียล บาติสตูต้า

กาเบรียล บาติสตูต้า ผู้ได้รับสมญานามว่า “ราชสีห์” นับเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของวงการฟุตบอลอาร์เจนตินา เขายังคงครองสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอาร์เจนตินา ด้วยผลงาน 56 ประตู ช่วงเวลาที่บาติสตูต้าค้าแข้งกับฟิออเรนตินานับเป็นช่วงที่เขาได้รับการยกย่องจากแฟนบอลมากที่สุด ซึ่งเขาได้แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีอย่างไร้ขีดจำกัดต่อทีมสีม่วง

ฟิลิปโป้ อินซากี

ฟิลิปโป้ อินซากี หรือที่รู้จักกันในนาม “ราชาล้ำหน้า” ถือเป็นหนึ่งในกองหน้าหมายเลข 9 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขาไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจด้วยประตูในสนามเท่านั้น แต่ยังมีปรัชญาชีวิตที่ลึกซึ้งอีกด้วย อินซากีเคยกล่าวไว้ว่า “หากคุณไม่มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติเหมือนโรนัลโด้หรือกาก้า คุณก็ยังสามารถเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมได้ผ่านความสบายใจ ความพากเพียร และความรักในลูกบอล”

ด้วยชื่อเสียงและความสำเร็จอันน่าทึ่ง อินซากีได้คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 3 สมัย, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัย, แชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียนา 3 สมัย, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 2 สมัย และแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2006 กับทีมชาติอิตาลี

หลุยส์ ซัวเรซ

นับเป็นหนึ่งในกองหน้าตัวเป้าที่ดีที่สุดตลอดกาล ด้วยผลงานการทำประตูอันโดดเด่นตลอดช่วงอาชีพค้าแข้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสีเสื้อของบาร์เซโลน่า ซึ่งเจ้าตัวระเบิดฟอร์มยิงไปถึง 198 ประตู มีส่วนสำคัญพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลาลีกา 4 สมัย โกปา เดล เรย์ 4 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย

ซัวเรซ เริ่มต้นเป็นที่จับตามองในบ้านเกิดอุรุกวัยกับสโมสรนาซิอองนาล ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งในยุโรปกับโกรนิงเก้น ทีมในลีกสูงสุดเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี 2007 ตอนอายุเพียง 19 ปี จากนั้นเมื่อย้ายมาอังกฤษเล่นให้ลิเวอร์พูลในปี 2011 ซัวเรซก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถเหนือระดับ คว้าตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2013-2014 ด้วยสถิติ 31 ประตูจาก 33 นัด พร้อมแชร์รางวัลรองเท้าทองคำแห่งยุโรปกับโรนัลโด้ในปีเดียวกันอีกด้วย

อลัน ชีเรอร์

นับเป็นตำนานแห่งวงการฟุตบอลอย่างแท้จริง ด้วยสถิติการทำประตูอันน่าทึ่งถึง 422 ประตู ทั้งในนามทีมชาติและสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 260 ประตูในศึกพรีเมียร์ลีก ซึ่งเฉลี่ยแล้วเขาทำได้ราว 25 ประตูต่อฤดูกาล ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ค้าแข้งอยู่ในสนาม

ย้อนกลับไปในปี 1992 ขณะที่ชีเรอร์ยังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของเซาแธมป์ตัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้จับตามองเขาไว้ ทว่าชีเรอร์กลับปฏิเสธข้อเสนอมูลค่า 3.6 ล้านปอนด์จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 ปีให้หลัง เมื่อชื่อเสียงของชีเรอร์เป็นที่รู้จักมากขึ้น เซอร์ อเล็กซ์ ได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มขึ้นอีก 4 ครั้ง แต่ชีเรอร์ยังคงยืนกรานปฏิเสธ และเลือกย้ายไปอยู่กับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์

มาร์โก ฟาน บาสเทน

มาร์โก ฟาน บาสเทน ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นหมายเลข 9 ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขาเป็นผู้ริเริ่มแนวคิด “ฟุตบอลโททัล” อันโด่งดังของชาวดัตช์ และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในอัจฉริยะแห่งวงการฟุตบอลในศตวรรษที่ 20 ด้วยความสามารถในการทำประตูที่โดดเด่น ฟาน บาสเทน ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยมในกรอบเขตโทษ โดยมีการเคลื่อนไหวและการจัดวางตำแหน่งอย่างชาญฉลาด ลูกยิงของเขาแต่ละครั้งล้วนแต่มีความแม่นยำสูงสุด ทำให้ผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้ามต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยากที่สุดในอาชีพของพวกเขา

มาร์โก ฟาน บาสเทน เป็นผู้เล่นคนแรกของโลกที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ถึงสามสมัยในปี 1988, 1989 และ 1992 หากไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บที่บังคับให้เขาต้องเลิกเล่นก่อนกำหนด บัลลงดอร์ทั้งหมดของเขาอาจจะเทียบเท่ากับโรนัลโด้และเมสซี่ในปัจจุบัน นี่เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างชัดเจนถึงอิทธิพลและความสำคัญของ ฟาน บาสเทน ในประวัติศาสตร์ฟุตบอล

เฟร์นันโด ตอร์เรส

หนึ่งในกองหน้าหมายเลข 9 ที่ดีที่สุดตลอดกาล ผ่านประสบการณ์ขึ้นๆ ลงๆ มาตลอดอาชีพค้าแข้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ค้าแข้งกับเชลซี ทว่าช่วงเวลาอันแสนวิเศษที่เขาใช้กับแอตเลติโก มาดริด, ลิเวอร์พูล และทีมชาติสเปน ต่างมีส่วนสำคัญที่ทำให้ตอร์เรสกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนัง

ตอร์เรสเติบโตมาจากอคาเดมีเยาวชนของแอตเลติโก มาดริด ที่ซึ่งเขาได้พัฒนาทักษะการทำประตูอันน่าประทับใจตลอดระยะเวลา 7 ปี ยิงไปถึง 91 ประตูในสีเสื้อของทีม ความสามารถอันโดดเด่นของเขาได้ดึงดูดความสนใจจากลิเวอร์พูล และในปี 2007 ตอร์เรสได้ย้ายมาอยู่ที่แอนฟิลด์ด้วยค่าตัว 20.2 ล้านปอนด์ ที่นี่ เขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าชั้นนำของโลก ทำไป 65 ประตูจาก 102 นัดในระยะเวลา 4 ฤดูกาล

ตลอดอาชีพการเล่น ตอร์เรสได้สร้างผลงานอันน่าจดจำทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เขาคว้าแชมป์ยูโรกับทีมชาติสเปนถึง 2 สมัย และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกอีก 1 สมัย นอกจากนี้ ตอร์เรสยังได้รางวัลรองเท้าทองคำในศึกยูโร 2012 ด้วยผลงานการทำ 3 ประตู ซึ่งรวมถึงประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศที่ช่วยให้สเปนเอาชนะอิตาลี 4-0

ความสำเร็จในระดับสโมสรของตอร์เรสก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน เขาคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้าลีก และเอฟเอ คัพ กับเชลซี รวมถึงยังเคยได้รางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกกับลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2007-08 ด้วยผลงานยิง 24 ประตูอีกด้วย

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

นักเตะชาวโปแลนด์ผู้ถือครองตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า เป็นตัวอย่างที่ดีของศูนย์หน้าแบบดั้งเดิมซึ่งหาได้ยากในวงการฟุตบอลยุคใหม่ ด้วยสายตาที่คมกริบและความสามารถในการยิงประตูอย่างแม่นยำภายในกรอบเขตโทษ ทุกลูกยิงของเขาล้วนเป็นภัยคุกคามต่อประตูฝ่ายตรงข้าม หลังจากย้ายออกจากบาเยิร์น มิวนิค เลวานดอฟสกี้ได้เข้าร่วมทีมบาร์เซโลน่าและสร้างผลกระทบอย่างมากในทันที ซูเปอร์สตาร์ชาวโปลิชรายนี้แสดงให้เห็นถึงฝีเท้าที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่องพร้อมความสามารถในการทำประตูที่น่าประทับใจ

ตลอดการค้าแข้งกับสโมสรต่างๆ เลวานดอฟสกี้ทำไปแล้วทั้งสิ้น 395 ประตูจาก 592 นัด และได้รับการยกย่องให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งทวีปยุโรปเมื่อปี 2021 หากไม่เกิดการระบาดของโควิด-19 เขาอาจจะได้ครองรางวัลบัลลงดอร์ประจำปี 2021 ไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในการรับใช้ทีมชาติ เลวานดอฟสกี้ซัดไปถึง 61 ประตูจาก 112 นัด ทำให้เขากลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติโปแลนด์อีกด้วย

สรุป

ตำแหน่งเบอร์ 9 ในฟุตบอลเป็นหนึ่งในบทบาทที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุด ผู้เล่นในตำแหน่งนี้ต้องมีความสามารถแบบครบเครื่องทั้งการทำประตู การเป็นจุดรับบอล การเคลื่อนไหว และความแข็งแกร่งทางร่างกาย ซึ่งผู้เล่นระดับตำนานที่เคยสวมเสื้อเบอร์ 9 ล้วนแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตำแหน่งนี้ในวงการฟุตบอล และสามารถอ่าน ตํานานแมนยู เบอร์ 7 ได้ที่นี่เลย Thscore

Guru Sports เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลฟุตบอลที่ครบถ้วนและทันสมัย สำหรับแฟนบอลที่ต้องการติดตามข่าวสาร ผลการแข่งขัน ราคาบอล และการวิเคราะห์เกมต่างๆ อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นลีกดังระดับโลก หรือลีกในประเทศก็ตาม ด้วยเนื้อหาที่น่าเชื่อถือและการนำเสนอที่เป็นระบบ